Author Archive

การวางแผนกิจวัตรประจำวันของคุณเพื่อการนอนอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ปรับปรุง‘กิจวัตรเพื่อสุขภาพยามค่ำคืน’ ทั้ง 5 ข้อต่อไปนี้เพื่อให้การนอนหลับของคุณเป็นเรื่องง่าย กำหนดกิจวัตรก่อนเข้านอน – เพื่อสร้าง“พฤติกรรมการนอนอย่างถูกสุขลักษณะ” – มันจะช่วยให้คุณนอนหลับได้อย่างง่ายดายในเวลากลางคืนและหลับสนิทได้จนถึงเช้า การปฏิบัติตามกิจวัตรดังกล่าวไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิด ลองปฏิบัติตามกิจวัตรทั้ง 5 ข้อดังต่อไปนี้ในตอนเย็นเพื่อการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น #กิจวัตรที่1: เข้านอนให้เป็นเวลา เข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลาในทุก ๆ วัน – แม้ว่าวันนั้นจะเป็นวันหยุดก็ตาม –การตั้งค่านาฬิกาภายในร่างกายของคุณเป็นสิ่งสำคัญมาก ผู้เชี่ยวชาญเรียกมันว่า‘นาฬิกาชีวิต’ การปฏิบัติกิจวัตรตามตารางเวลาในแต่ละวันจะทำให้คุณภาพการนอนของคุณดีขึ้นตามไปด้วย #กิจวัตรที่ 2:คิดสักนิดก่อนที่คุณจะรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม —รวมทั้งเวลาในการรับประทานอาหารด้วย นิโคตินและคาเฟอีน เป็นสารกระตุ้นที่ออกฤทธิ์ยาวนานหลายชั่วโมง ดังนั้น มันจะทำให้ร่างกายของคุณตื่นตัวและต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถนอนหลับได้จงหลีกเลี่ยงสารกระตุ้นเหล่านี้เป็นเวลา 4-6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน และถึงแม้ว่าแอลกอฮอล์จะทำให้คุณง่วง แต่มันจะลดคุณภาพการนอนของคุณลง ดังนั้น หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเย็นจะดีกว่า นอกจากนี้ คุณควรใส่ใจเวลาการประทานอาหารด้วย –เนื่องจากการเข้านอนในเวลาท้องว่างหรือเวลาที่หิวอยู่อาจทำให้คุณหลับไม่ลง และควรดื่มเครื่องดื่มต่าง ๆ ให้น้อยลงเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องตื่นลุกไปเข้าห้องน้ำกลางดึกบ่อย ๆ กิจวัตร#3: จัดเตียงให้น่านอน สร้างสภาพแวดล้อมในห้องนอนของคุณในน่านอนและผ่อนคลายที่สุดโดยการทำให้ห้องเงียบ เย็น และมืดสลัว ที่อุดหูจะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยคุณได้มากหากห้องนอนของคุณอยู่ใกล้พื้นที่ที่มีเสียงอึกทึก แสงสว่างจากภายนอกอาจรบกวนการนอนของคุณ ดังนั้น ลองใช้ม่านบังแสงช่วยฟูกนอนและหมอนคุณภาพดีอาจสร้างความแตกต่างได้อย่างใหญ่หลวง ...Read More

คุณทราบหรือไม่ว่าแต่ละช่วงอายุควรนอนวันละกี่ชั่วโมง?

ความจำเป็นในการนอนหลับของคนเรานั้นจะเปลี่ยนแปลงตามช่วงอายุของคนเรา และคุณทราบหรือไม่ว่าแต่ละช่วงอายุควรนอนวันละกี่ชั่วโมง? Newborns (อายุไม่เกิน 3 เดือน) ควรนอนวันละ 14-17 ชั่วโมง/วัน Infants (อายุ 4-11 เดือน) ควรนอนวันละ 12-15 ชั่วโมง/วัน Toddler (อายุ 1-2 ปี) ควรนอนวันละ 11-14 ชั่วโมง/วัน Preschoolers (อายุ 3-5 ปี) ควรนอนวันละ 10-13 ชั่วโมง/วัน School Age Children (อายุ 6-13 ปี) ควรนอนวันละ 9-11 ชั่วโมง/วัน Teens (อายุ 14-17 ปี) ควรนอนวันละ 8-10 ชั่วโมง/วัน Young Adults (อายุ 18-25 ปี) ควรนอนวันละ 7-9 ชั่วโมง/วัน ...Read More

CPAP (ซีแพพ) คืออะไร?

CPAP (ซีแพพ) คืออะไร? CPAP (ซีแพพ) ย่อมาจาก Continuous Positive Airway Pressure คือ เครื่องอัดอากาศแรงดันบวกสำหรับใช้ในการรักษาผู้ที่มีสภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกลั้น (Obstructive Sleep Apnea, OSA) CPAP มีหลักการในการรักษาคือ การเป่าความดันลมผ่านทางจมูกหรือปาก ผ่านบริเวณลำคอ และโคนลิ้น ซึ่งเป็นส่วนทางเดินหายใจส่วนต้น เพื่อให้เปิดขยายตัวตลอดเวลาโดยไม่ให้มีการอุดกั้นขณะที่นอนหลับ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ใช้เครื่องสามารถหายใจรับอากาศอย่างพอเพียงและนอนหลับราบรื่นตลอดทั้งคืน โดยลมที่เป่าด้วยความดันนี้มักเป็นเพียงอากาศปกติ ไม่ใช่การให้ออกซิเจนตามโรงพยาบาล (ยกเว้นในบางรายที่จำเป็นมากเท่านั้น) ข้อดีของการรักษาด้วย CPAP การรักษาด้วยเครื่อง CPAP นั้นตามรายงานการวิจัยทั่วโลก จัดว่าเป็นการรักษาภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับระดับปานกลางหรือรุนแรง ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในแบบที่ไม่ต้องผ่าตัด (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) ถ้าท่านได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและปรับความดันที่เหมาะสมกับท่านที่สุดโดยแพทย์เฉพาะทาง และท่านได้ใช้เครื่องตลอดทั้งคืน จะข้อดีมีทั้งในระยะสั้น คือ ท่านจะไม่มีอาการนอนกรนและจะนอนหลับได้ดีขึ้นพร้อมกับได้รับอากาศอย่างเต็มที่ ตื่นขึ้นมาจะสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย หรือ ความง่วงนอนตอนกลางวันอย่างที่ท่านรู้สึกความแตกต่างได้ รวมถึงในระยะยาวจะลดความเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนหรืออาการอื่นๆที่เกิดจากภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับด้วย (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) ปัญหาในการใช้ CPAP ได้แก่ จมูกอักเสบ แน่นจมูกในตอนเช้า ตาอักเสบ คอแห้ง ...Read More

ข้อดีและข้อเสียของ Travel CPAP

Travel CPAP คืออะไร? Travel CPAP คือ CPAP สำหรับใช้ในการเดินทาง ท่องเที่ยวโดยเฉพาะตามป่า ยอดเขา หรือสถานที่อื่นๆ ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีไฟฟ้า ข้อดีของ Travel CPAP – น้ำหนักเบา – ขนาดเล็ก – สามารถใช้แบตเตอรี่ หรือ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้ ข้อเสียของ Travel CPAP – การผ่อนลมหายใจออก ทำได้ไม่ค่อยดีนัก – ราคาสูงกว่า CPAP ปกติ ถ้าเทียบ spec กันแล้ว – ไม่มีการรายงานผลการใช้งานที่หน้าจอ ซึ่งปัจจุบัน เป็นพื้นฐานทั่วไปของ CPAP แล้วว่าต้องมี ผู้ที่คิดจะใช้ Travel CPAP ควรพิจารณาว่าต้องใช้ในลักษณะไหน ถ้าคุณเป็น sale จำเป็นต้องเดินทางบ่อย และนอนโรงแรม แบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ Travel ...Read More

โรค TMJ – ผู้ที่จะใช้ที่ครอบฟันแก้นอนกรนควรทราบ

TMJ (temporomandibular joint disorder) – ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกรคืออะไร? (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกรคืออะไร หรือ TMJ (temporomandibular joint disorder) หมายถึง ข้อต่อระหว่างขากรรไกรบนและล่างไม่สามารถทำงานอย่างที่ควรโดยข้อต่อนี้เป็นจุดที่มีความซับซ้อนมากที่สุดจุดหนึ่งในร่างกายของเรา มีผลต่อการเคลื่อนขากรรไกรล่างไปข้างหน้า หลัง และด้านข้าง ปัญหาใด ๆ ก็ตามที่ทำให้ระบบของอวัยวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับขากรรไกรทำงานไม่ปกติ เราจะเรียกว่า ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร ซึ่งอาจทำให้เรารู้สึกว่ากระดูกขากรรไกรของเรามีการเคลื่อนที่ หรือติดค้างในชั่วขณะ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะหาสาเหตุไม่ได้ อาการของความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกรมีอะไรบ้าง? ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกรมีอาการและสัญญาณเตือนได้หลายประการ ปกติแล้วมักจะเป็นการยากที่จะรู้ว่ามีอาการ เนื่องอาการบางอย่างอาจจะเป็นปัญหาอื่นๆ ทันตแพทย์สามารถช่วยวินิจฉัยได้ด้วยการตรวจสอบประวัติการรักษา การตรวจในคลินิค และการเอ็กซเรย์ อาการที่พบได้บ่อยคือ: อาการปวดศรีษะ (มักจะถูกคิดว่าเป็นอาการของไมเกรน) อาการปวดหู และอาการปวดบริเวณหลังตา เสียงคลิกเวลาอ้าปากหรือหุบปาก อาการปวดจากการหาว การอ้าปากกว้าง หรือการเคี้ยวอาหาร ขากรรไกรค้าง อาการเจ็บที่กล้ามเนื้อขากรรไกร ความเปลี่ยนแปลงกระทันหันของการสบกันระหว่างฟันบนและฟันล่าง ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกรสามารถรักษาได้อย่างไร แม้ว่าจะยังไม่มีวิธีการรักษาที่แน่นอนสำหรับความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร แต่ก็ยังมีหลายวิธีที่จะสามารถช่วยลดอาการได้อย่างมาก ซึ่งทันตแพทย์อาจแนะนำดังต่อไปนี้: การพยายามลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อด้วยยาคลายกล้ามเนื้อ ...Read More