ข้อดีและข้อเสียของการงีบหลับ

การศึกษาเกี่ยวกับการงีบหลับ การศึกษาหนึ่งของ NASA ที่ได้ใช้นักบินอวกาศในการทดลอง พบว่าการงีบหลับเพียง 40 นาทีต่อวันจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากถึง 34% การศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการงีบหลับและความดันโลหิต ได้ถูกศึกษาจากเหล่าแพทย์ที่ดูแลเรื่องเกี่ยวกับหัวใจ จากการศึกษาทำให้เราทราบว่า มนุษย์วัยกลางคนที่ได้งีบหลับระหว่างวันจะมีความดันโลหิตต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้งีบหลับ ความแตกต่างของความดันโลหิตนี้มีส่งผลต่อโอกาสที่จะเป็นโรคหัวใจ การวิจัยในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ยืนยันเกี่ยวกับการค้นพบที่ว่า ผู้สูงอายุที่งีบหลับเป็นประจำจะมีความดันต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้งีบหลับถึง 5% เลยทีเดียว ข้อดีของการงีบหลับ – มีความความตื่นตัวมากขึ้น – ทำให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด – ลดอาการบาดเจ็บ – ทำให้อารมณ์ดีขึ้น – เพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาต่างๆ -ลดอาการหลับในขณะขับรถ – เพิ่มความสามารถด้านความจำ – เพิ่มความปลอดภัยในที่ทำงาน การงีบหลับให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรทำอย่างไร? การงีบหลับนั้นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากในด้านต่างๆ อย่างไรก็ตาม การวางแผนที่ดีนั้นจะทำให้การงีบหลับมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปอีก วิธีการเหล่านี้คือวิธีการที่จะทำให้การงีบหลับมีประสิทธิภาพมากที่สุด ระยะเวลาในการงีบหลับ: ระยะเวลาที่มีประสิทธิที่ภาพที่สุดในการงีบหลับก็คือ 20 – 30 นาที เป็นระยะเวลาที่ร่างกายกำลังฟื้นตัวพอดีแต่ไม่ได้เข้าระยะเวลาหลับลึกหรือ REM (rapid eye ...Read More

10 เคล็ดลับที่ทำให้คุณนอนหลับอย่างสนิทมากขึ้น

เราได้ค้นคว้ารวบรวมข้อมูลทั้งจากประสบการณ์ของเรา และข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยเราได้ผสมผสานวิธีการที่สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี แต่บางครั้งก็อาจจะแปลกไปสักหน่อย หวังว่าเคล็ดลับทั้ง 10 วิธีของเรานั้นจะสามารถช่วยให้คุณนอนหลับได้สนิทมากขึ้น 1. หลีกเลี่ยงการนำสัตว์เลี้ยงเข้าห้องนอน เพื่อนสัตว์เลี้ยงของคุณ เช่น หมาหรือแมว อาจจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ก็จริง แต่ไม่ใช่ในเวลานอนครับ เพราะทุกครั้งที่สัตว์เลี้ยงของคุณทำอาการบางอย่าง เช่น กระดิกหางหรือเห่า เป็นต้น พฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงเหล่านี้จะไปรบกวนคุณภาพในการนอนหลับของคุณแน่นอน ทางแก้ที่ดีคือจัดสถานที่ให้สัตว์เลี้ยงของคุณนอนซึ่งแน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่ในห้องนอนของคุณ และอย่าลืมว่าขนของสัตว์เลี้ยงนั้นสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ซึ่งยิ่งจะเป็นการรบกวนการนอนหลับของคุณเช่นเดียวกัน 2. การเขียน ผู้คนมากมายมักจะพลิกตัวบ่อย ยามที่นอนหลับ สำหรับมนุษย์อย่างเราการนอนหลับอย่างสบายบนเตียงเป็นเวลาที่ใช้ในการทบทวนความคิดที่เกิดขึ้นในช่วงกลางวัน ซึ่งหลายครั้งความคิดเหล่านี้จะทำให้เกิดความเครียดขึ้น หลายท่านคงจะทราบอยู่แล้วว่า ความเครียดเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายหลั่งสารคอร์ติซอล (cortisol) เมื่อร่างกายหลั่งสารนี้ออกมาแล้วก็จะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว เนื่องจากสารนี้เป็นสารที่ทำให้ร่างกายนอนไม่หลับ ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากความเครียดนั่นเอง ดังนั้นก่อนจะนอนคุณควรใช้เวลาสักสองสามนาทีเพื่อที่จะทบทวนความคิดที่เกิดขึ้นตลอดวัน และทำการจดลงในสมุดหรือกระดาษซึ่งวิธีการนี้จะช่วยให้ลดความเครียดที่เกิดจากการคิดขณะกำลังนอนหลับนั่นเอง อยากจะบอกว่าลองทำดูแล้วจะติดใจ 3. ใช้โทรศัพท์ คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงให้ใช้โทรศัพท์เวลานอนด้วย ทั้งๆ ที่แสงสีฟ้า Blue light ที่เราทราบกันดีนั้นไม่เหมาะสมกับเวลาก่อนนอนสักนิดเดียว แต่ก่อนจะนอนเราควรจะตั้งนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์จะเป็นผลดีสำหรับเรานั้นเอง 4. ไม่ควรนำนาฬิกาไว้ในที่ๆ มองเห็นขณะกำลังนอน บางครั้งคุณก็เคยใช้เวลาทั้งคืนในการจ้องมองนาฬิกา นั่งคิดว่าเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ในการนอนจนกว่าจะหลับไป พฤติกรรมเช่นนี้จะเพิ่มความเครียดและความกดดันในเวลานอนจนทำให้นอนแทบไม่หลับ ดังนั้นควรจะนำนาฬิกาปลุกไปไว้ในมุมที่เราจะมองไม่เห็นเวลานอนอยู่บนเตียง ...Read More

9 วิธีแก้ปัญหาจากการนอนหลับด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์

ดูเหมือนว่าการนอนหลับอย่างสบายนั้นจะเป็นเรื่องที่ยากขึ้นทุกวัน เนื่องจากอุปสรรคมากมายที่มาขัดขวางการนอนหลับ โดยปกติ มนุษย์ควรจะนอนหลับ 7 – 9 ชั่วโมงต่อวัน แต่คนส่วนใหญ่มักนอนไม่เพียงพอกับเวลาที่เหมาะสม การนอนหลับอย่างเต็มอิ่มจะมีผลดีต่อสุขภาพ ทำให้ไม่เป็นโรคอ้วน เพิ่มความจำที่ดีและทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นอีกด้วย โดยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับทั้ง 9 อย่างนี้ วิทยาศาสตร์สามารถบอกได้ว่า คุณควรทำเช่นไร เพื่อเป็นการแก้ปัญหา 1. อาการเจ็บไหล่ พยายามวางหมอนที่ใช้หนุนให้ถูกวิธี เป็นทางที่จะช่วยให้บรรเทาอาการเจ็บทั้งหลาย เมื่อตื่นขึ้นมาและมีอาการเจ็บไหล่ ให้พยายามกอดหมอนข้างเอาไว้ขณะที่หลับ 2. อาการปวดหลัง ถ้าคุณมีอาการปวดหลัง การนอนคว่ำอาจจะไม่ใช่ท่านอนที่ดีที่สุด หากวางหมอนไว้ใต้ขาอาจจะช่วยให้หลังที่ปวดดีขึ้นได้ ถ้าคุณชอบนอนตะแคงข้าง แนะนำให้นำหมอนวางไว้ระหว่างขาเพื่อทำให้ร่างกายสบายขึ้น 3. อาการปวดคอ ถ้าหมอนมีรูปร่างแปลกๆ ไม่เหมือนตอนที่ซื้อมา ก็ถึงเวลาที่ควรจะซื้อใหม่ได้แล้ว 4. อาการนอนไม่หลับ การหยุดเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนอาจจะทำได้ยาก แต่เป็นเรื่องที่ควรทำ เพราะแสงสีฟ้าจากโทรศัพท์จะรบกวนวงจรการนอนหลับของมนุษย์เป็นอย่างมาก 5. หลับไม่สนิท เพื่อการนอนหลับที่ดีที่สุด ควรทำให้อุณหภูมิเย็นลง เพื่อร่างกายจะได้พักผ่อนอย่างสบาย 6. ตื่นไม่ไหว นักวิทยาศาสตร์เรียกการตื่นนอนที่ไม่ตรงกับเวลาปกติว่า “social jet lag” ...Read More

การรับแสงในช่วงเวลากลางวันอาจจะมีส่วนช่วยในการต่อต้านผลของการรบกวนการนอนหลับที่มีมาจาก blue light ได้

การใช้โทรศัพท์สมาทโฟน แท็บเลต คอมพิวเตอร์ก่อนนอนมีผลทำให้รบกวนการนอนหลับของมนุษย์ อ้างอิงจากการศึกษาวิจัยจากมหาลัย Uppsala ซึ่งผลการวิจัยนี้ได้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือที่มีชื่อว่า “Sleep Medicine” การจากศึกษา วัยรุ่นทั้งเพศชายและเพศหญิงทั้งหมด 14 คน นักประสาทวิทยา Christian Benedict  และ Frida Rångtell ได้ทำการศึกษาความเกี่ยวข้องระหว่างผลกระทบจากการเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และการได้รับแสงในช่วงเวลากลางวัน “การทดสอบของเราคือการให้ผู้ทดลองได้รับแสงในช่วงเวลากลางวัน จากนั้นให้ทดลองให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในช่วงเย็นหรือก่อนนอนเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ผลการวิจัยค้นพบว่าวัยรุ่นที่มีสุขภาพแข็งแรงนั้น ไม่ได้รับผลจากการรบกวนการนอนหลับที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นอนหลับอยู่เลย”  Frida Rångtell ผู้เขียนและนักศึกษาปริญญาเอกสาขาประสาทวิทยา มหาลัย Uppsala Christian Benedict ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาประสาทวิทยา มหาลัย Uppsala กล่าวว่า “ผลของการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ในช่วงเวลากลางวัน ไม่ว่าจะเป็นแสงจากดวงอาทิตย์หรือแสงไฟในออฟฟิศ มีส่วนช่วยในการต้านผลจากการรบกวนในช่วงเวลานอนหลับของมนุษย์ โดยการรบกวนการนอนหลับนี้เป็นผลกระทบที่ได้รับจากการเล่นโทรศัพท์สมาทโฟน แท็บเลต คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ (อุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดแสง Blue light) ก่อนนอน ถึงแม้ว่าเรื่องที่เราศึกษานั้นจะไม่ใช่เรื่องของผลกระทบจากการที่ได้รับแสง Blue light โดยตรงแต่ก็ควรจำไว้ว่าการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอนไม่ว่าจะเป็นการเช็คอีเมล์หรือดูโซเซี่ยลมีเดียต่างๆ ก็มีส่วนในการรบกวนการนอนหลับที่จะทำให้เกิดการกระตุ้นอารมณ์ที่เป็นเหตุทำให้นอนหลับไม่สนิทนั้นเอง ...Read More

อาการนอนกรน – ผลข้างเคียงอย่างหนึ่งของการตั้งครรภ์ที่คุณอาจจะนึกไม่ถึง

30% ของหญิงตั้งครรรภ์อาจมีอาการนอนกรน แม้ว่าในชีวิตนี้คุณจะไม่เคยนอนกรนเลย มันก็เป็นไปได้มากหากคุณจะมีอาการนอนกรนระหว่างที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเรื่องจริงในช่วงระยะครรภ์ 3 เดือน การผสมผสานของฮอร์โมนระหว่างตั้งท้อง การขยายตัว และการที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นทำให้ผิวหนังบริเวณศีรษะและคอ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการนอนกรน การนอนกรนระหว่างช่วงตั้งครรภ์ไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญให้กับคุณและสามีเท่านั้น การนอนกรนสามารถนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อแม่และทารกอีกด้วย (ตามข้อมูลของ National Sleep Foundation ในหัวข้อ “30% ของหญิงตั้งครรรภ์มีอาการนอนกรนเนื่องจากการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นในทางเดินจมูก ซึ่งจะปิดกั้นทางเดินหายใจ) นอกจากนี้ยังพบงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับหญิงตั้งครรรภ์ จากการวิจัยของ University of Michigan Health System หัวข้อเรื่อง “การนอนกรนเรื้อรั้ง (ในหญิงที่กรนก่อนและระหว่างตั้งครรภ์) พบว่า ผู้หญิงท้องที่มีอาการนอนกรนจะมีความเสี่ยงในการผ่าท้องทำคลอด และเด็กแรกเกิดจะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ จากการศึกษาพบว่า เพียงแค่นอนกรนอย่างน้อย 3 คืน/สัปดาห์ ก็อาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะพบปัญหานี้แล้ว หากการตั้งครรภ์เป็นสาเหตุของการนอนกรน ดังนั้นมันก็เป็นเพียงปัญหาชั่วคราวเท่านั้น การหลีกเลี่ยงการมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ การหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือกินยานอนหลับ คือวิธีหลักที่จะต่อสู้กับอาการนอนกรน หากคุณหรือสามีของคุณพบว่าคุณนอนกรน วิธีลดการลดอาการนอนกรนทำได้โดยการทำให้ทางเดินหายใจส่วนต้นกว้างขึ้น resource: https://sleepfoundation.org/sleep-news/sleeping-the-trimesters-3rd-trimester ...Read More