ปัญหาที่พบบ่อยและแนวทางในการแก้ไขจากการใช้เครื่อง CPAP

หลายๆ คนที่ใช้ CPAP มักจะพบปัญหาบางอย่าง วันนี้ทางบริษัท ไม่กรน จำกัด จะขอนำเสนอปัญหาและแนวทางในการแก้ไขจากการใช้ CPAP โดยเรานำข้อมูลที่สำคัญบางส่วนมาจาก 108 ปัญหานอนกรนที่จัดทำโดยสมาคมโรคจากการหลับแห่งประเทศไทย เริ่มกันเลยดีกว่า

CPAP FAQ

Q: เครื่องซีแผบเป็นเครื่องผลิตออกซิเจนใช่หรือไม่?

A: ไม่ใช่ เครื่องซีแผบมีหลักการคล้ายเครื่องดูดฝุ่น เพียงแต่เครื่องจะทำการเป่าลมออกจากเครื่องแทนการดูดเข้าเครื่อง ดังนั้นลมที่เป่าออกจากเครื่องนั้นก็คืออากาศที่อยู่ภายในห้องนอนที่เราหายใจตามปกติแต่เครื่องผลิตออกซิเจนนั้นจะทำ การดูดอากาศจากภายในห้องเข้าไปในเครื่อง เครื่องจะทำ การแยกก๊าซไนโตรเจนทิ้งไปเพื่อให้เหลือแต่ออกซิเจนก่อนส่งออกมาจากเครื่อง


Q: เครื่องซีแผบราคาประมาณเท่าไร่ ข้าราชการเบิกได้หรือไม่?

A: ราคาเครื่องมีความแตกต่างกันตั้งแต่ประมาณ 18,000 – 80,000 บาท ขึ้นกับคุณสมบัติการทำ งานของเครื่อง รวมไปจนถึงความสามารถในการบันทึกข้อมูลและรายละเอียดต่างๆจากการใช้เครื่อง ปัจจุบันมีผู้ป่วยสิทธิ์ข้าราชการเพียงสิทธิ์เดียวเท่านั้นที่สามารถเบิกค่ารักษาด้วยอุปกรณ์นี้ได้แต่จำกัดสิทธิ์อยู่ที่ 20,000 บาท ถ้าผู้ป่วยเลือกซื้อเครื่องที่ราคาสูงกว่านี้จะต้องจ่ายส่วนต่างที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง


Q: เครื่องซีแผบราคาแพง มีบริษัทให้เช่าผ่อนหรือผ่อนเช่าหรือไม่?

A: มีบางบริษัทที่มีการให้บริการเช่าเป็นรายเดือนเนื่องจากผู้ป่วยไม่สามารถรับภาระจ่ายเงินก้อนได้ ระบบเช่าจะมีข้อดีที่บริษัทจะรับผิดชอบในการบำรุงรักษาเครื่อง รวมถึงเปลี่ยนไส้กรองหน้ากากให้เมื่อมีการเสื่อมคุณภาพจากการใช้งานตามระยะเวลาที่กำหนด นอกจากนี้เมื่อเครื่องมีปัญหาก็ยังมีเครื่องใหม่มาทดแทนให้ใช้ได้ทันทีแต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการใช้เครื่องในระยะยาวระบบผ่อนหรือผ่อนเช่าจะมีความคุ้มค่ามากกว่าเนื่องจากเมื่อจ่ายครบแล้วจะได้เครื่องเป็นของตนเอง


Q: ถ้าไฟตกหรือไฟดับจะขาดอากาศหายใจขณะใช้เครื่องซีแผบหรือไม่?

A: การที่ไฟดับหรือไฟตกทำ ให้เครื่องซีแผบหยุดทำงานนั้น ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยขาดอากาศหายใจ เนื่องจากบริเวณหน้ากากทางด้านหน้า ที่มีรูสำหรับเป่าลมหายใจออกขณะเครื่องทำงานนั้น จะทำหน้าที่เป็นทั้งรูที่ไว้ทั้งหายใจเข้าและออกได้ผู้ป่วยยังคงหายใจได้แต่ก็จะกลับไปมีภาวะ OSA แบบดั้งเดิมที่ผู้ป่วยมีเนื่องจากไม่มีแรงดันลมมาช่วยถ่างทางเดินหายใจส่วนต้นอีกต่อไป อย่างไรก็ตามในสถานที่ที่มีไฟตกหรือไฟดับบ่อยๆ แนะนำให้ซื้ออุปกรณ์สำรองไฟที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ เนื่องจากการกระชากของกระแสไฟบ่อยๆ อาจทำให้การทำงานของเครื่องซึ่งบอบบางเหมือนคอมพิวเตอร์เกิดอาการรวนได้


Q: เครื่องซีแผบชนิดแรงดันคงที่ ต่างจากชนิดออโต้อย่างไร?

A: ในด้านประสิทธิภาพในการรักษาไม่แตกต่างกัน โดยหลักการทำงานของเครื่องซีแผบชนิดแรงดันคงที่ คือ เครื่องจะส่งแรงดันอากาศในระดับคงที่ตลอดการนอน โดยแพทย์จะต้องทราบถึงแรงดันที่เหมาะสมที่ทำให้การหายใจของผู้ป่วยกลับมาปกติในทุกระยะของการนอนและทุกท่าทางของการนอน ส่วนหลักการทำงานของเครื่องซีแผบชนิดออโต้นั้น เครื่องจะส่งแรงดันให้กับผู้ป่วยตรงกับช่วงเวลาที่ผู้ป่วยต้องการ กล่าวคือเครื่องจะทำการเพิ่มความดันอากาศอย่างช้าๆเมื่อเครื่องตรวจพบว่าผู้ป่วยหยุดหายใจ หรือเครื่องจะทำการลดความดันอากาศอย่างช้าๆเมื่อเครื่องตรวจพบว่าผู้ป่วยหายใจปกติพบว่าประสิทธิภาพในการรักษาด้วยเครื่องทั้งสองชนิดนั้นไม่แตกต่างกัน แต่ด้วยหลักการดังกล่าวทำให้แรงดันเฉลี่ยที่เกิดขึ้นขณะใช้เครื่องชนิดออโต้จะตํ่ากว่าแรงดันเฉลี่ยที่เกิดขึ้นจากการใช้เครื่องชนิดแรงดันคงที่ โดยคาดว่าแรงดันเฉลี่ยที่ตํ่ากว่านั้นจะทำให้ผู้ป่วยสบายขึ้นและใช้เครื่องได้นานมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีการหยุดหายใจในบางช่วงของการนอนเช่นในช่วงนอนหงาย หรือช่วงหลับฝันแต่ในผู้ป่วยทั่วไปมักไม่ได้ประโยชน์ชัดเจน ข้อมูล ณ ปัจจุบันพบว่าการใช้ซีแผบชนิดออโต้จะทำให้ผู้ป่วยใช้เครื่องได้นานขึ้นเพียงแค่ 10 นาทีในขณะที่ราคาเครื่องสูงกว่าเกือบ 3 เท่าตัว ดังนั้นแพทย์จึงมักไม่แนะนำ ให้ผู้ป่วยเลือกเครื่องชนิดออโต้เป็นทางเลือกแรก และมักแนะนำให้ผู้ป่วยได้ทดลองใช้เครื่องทั้งสองชนิดก่อนตัดสินใจซื้อจริง


Q: อยากทราบท่านอนที่ถูกต้องขณะใช้เครื่องซีแผบ?

A: ตามมาตรฐานการรักษาด้วยเครื่องซีแผบนั้น แรงดันที่เหมาะสมนั้นจะเป็นแรงดันที่ได้จากการตรวจการนอนหลับในห้องปฏิบัติการ แรงดันดังกล่าวจะได้รับการทดสอบแล้วว่าสามารถกำ จัดการหยุดหายใจได้ในทุกท่าทางการนอนและทุกระยะของการหลับของผู้ป่วย ช่วงเวลาที่ผู้ป่วยจะมีการหยุดหายใจรุนแรงที่สุดคือท่านอนหงายในช่วงระยะหลับฝัน ดังนั้นผู้ป่วยจะสามารถนอนได้ในทุกท่าทางขณะใช้เครื่องซีแผบ


Q: เครื่องซีแผบยี่ห้อต่างกันจะทำให้ประสิทธิภาพต่างกันหรือไม่?

A: โดยทั่วไปหลักการของเครื่องทุกยี่ห้อคล้ายกัน คือ เพิ่มแรงดันบวกในทางเดินหายใจเพื่อป้องกันการยุบตัวของทางเดินหายใจ ดังนั้นประสิทธิภาพไม่ต่างกัน แต่จะมีรายละเอียดปลีกย่อยเช่นการผ่อนแรงดันเวลาหายใจออก เป็นต้น ในแต่ละยี่ห้อต่างกัน ซึ่งในส่วนนี้จะมีประโยชน์ในการเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้เครื่องให้ผู้ป่วยได้


Q: เครื่องซีแผบยี่ห้อไหนดีที่สุด?

A: เครื่องซีแผบไม่ว่าจะผลิตโดยบริษัทใดจะสามารถทำงานระดับพื้นฐานได้เท่าเทียมกัน ความแตกต่างของแต่ละบริษัทจะขึ้นกับชนิดหน้ากากที่ผู้ป่วยชอบเป็นสำคัญ เนื่องจากการซื้อขายเครื่องนั้นจะขายเป็นแพคเกจ กล่าวคือ ซื้อเครื่องของบริษัทนี้จะได้แถมหน้ากากของบริษัทดังกล่าวด้วย ดังนั้นสิ่งที่ควรจะพิจารณาในการเลือกซื้อคือชนิดหน้ากากที่ผู้ป่วยสวมใส่แล้วรู้สึกสุขสบายมากที่สุดเป็นสำคัญ ส่วนปัจจัยอื่นๆที่อาจนำมาร่วมพิจารณาได้แก่ รูปลักษณ์ภายนอกของเครื่อง ค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่น ค่าไส้กรองอากาศ รวมไปจนถึงขนาดและนํ้าหนักของเครื่อง เนื่องจากผู้ป่วยบางรายอาจต้องเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศบ่อยครั้ง สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการใช้เครื่องซีแผบชนิดออโต้ควรทดลองใช้เครื่องที่ต้องการซื้อให้มั่นใจว่าเครื่องดังกล่าวได้ผลสำหรับเรา เนื่องจากผู้ป่วยแต่ละรายอาจเหมาะสมกับเครื่องซีแผบชนิดออโต้ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถระบุได้ว่าเครื่องยี่ห้อไหนดีที่สุดสำหรับทุกคน


Q: เครื่องซีแผบแบบมีบันทึกค่าการใช้และค่า AHI หรือ RDI ให้ผลการรักษา ต่างกับเครื่องที่ไม่มีการบันทึกหรือไม่?

A: ในแง่ของประสิทธิภาพในการรักษาไม่ต่างกัน แต่จะมีข้อดีในการติดตามการรักษา แพทย์สามารถใช้ค่าที่บันทึกในการปรับเปลี่ยนการรักษาได้


Q: ซื้อเครื่องซีแผบชนิดไม่มี AHI หรือ RDI แพทย์จะทราบได้อย่างไรว่าการรักษาได้ผลหรือไม่?

A: โดยปกติผู้ป่วยที่ได้รับการตรวจหาระดับแรงดันที่เหมาะสมแล้วนั้น มักไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงของแรงดันเท่าไรนัก ยกเว้นในรายที่มีการเปลี่ยนแปลงของนํ้าหนักตัวอย่างมาก เนื่องจากเครื่องที่สามารถบันทึก AHI หรือ RDI ได้จะมีราคาแพงกว่าเครื่องทั่วไปประมาณ 5,000-8,000 บาท ดังนั้นในผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายก็ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องที่มีการบันทึกค่า AHI หรือ RDI โดยแพทย์จะติดตามผลการรักษาจากอาการของผู้ป่วยว่าดีขึ้นอย่างเหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้แม้เครื่องจะไม่สามารถบันทึก AHI หรือ RDI แต่เครื่องทุกเครื่องจะสามารถเรียกดูชั่วโมงการใช้งานได้คล้ายกับเลขไมล์รถยนต์ ทำให้แพทย์สามารถคำนวณชั่วโมงการใช้งานคร่าวๆ ได้


Q: ผู้ป่วยที่ใส่ฟันปลอมเวลาใช้เครื่องซีแผบต้องถอดหรือไม่?

A: เพื่อสุขอนามัยช่องปากที่ดีแนะนำให้ถอดฟันปลอมเวลาเข้านอน ไม่ว่าจะมีการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวกหรือไม่


Q: เครื่องซีแผบจำเป็นต้องใช้ไส้กรองหรือไม่?

A: จำเป็น เนื่องจากไส้กรองทั้งหยาบและละเอียดช่วยในการกรองสิ่งสกปรกจนถึงสามารถกรองเชื้อโรคบางชนิดไม่ให้เข้าไปในทางเดินหายใจได้ดังนั้นจำ เป็นต้องดูแลรักษาให้สะอาดและเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาที่กำหนด


Q: เครื่องซีแผบที่ใช้ร่วมกันในห้องตรวจการนอนหลับ มีการทำความสะอาดหรือไม่?

A: อุปกรณ์ในส่วนที่มีการสัมผัสกับผู้ป่วยหรือลมหายใจของผู้ป่วย ได้แก่ หน้ากาก สายรัดศีรษะ ท่อลม จะมีการถอดออกเพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ตามมาตรฐานโรงพยาบาลทุกครั้งหลังการใช้งาน ขั้นตอนการล้างจะล้างด้วยนํ้าสบู่ก่อนหนึ่งครั้ง แล้วทำการแช่ด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อ ตามด้วยการล้างนํ้าประปา และผึ่งลมให้แห้งก่อนนำมาใช้ครั้งต่อไป


Q: เครื่องซีแผบที่ใช้ส่วนตัว จำเป็นต้องใช้นํ้ายาฆ่าเชื้อด้วยหรือไม่?

A: โดยทั่วไปไม่จำเป็นเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ส่วนตัว การทำความสะอาดเพียงแค่ล้างด้วยนํ้าสะอาดผสมกับนํ้าสบู่อ่อนๆ แล้วผึ่งลมให้แห้งก็เพียงพอแล้ว แม้ในกรณีที่คาดว่าปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น เชื้อหวัด การล้างด้วยวิธีดังกล่าวข้างต้นก็ยังคงเพียงพอ แต่ในผู้ที่มีความกังวลมากในเรื่องติดเชื้อก็สามารถแช่นํ้ายาฆ่าเชื้อได้


Q: ผู้ป่วยสามารถปรับแรงดันเครื่องซีแผบได้เองหรือไม่?

A: ไม่แนะนำ ให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนแรงดันที่ใช้ในการรักษาเอง เพราะระดับแรงดันก็เหมือนปริมาณยาที่แพทย์สั่ง การให้แรงดันที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะสูงหรือตํ่ากว่าที่ควรจะเป็นจะส่งผลเสียต่อตัวผู้ป่วยได้ ดังนั้นถ้าผู้ป่วยรู้สึกว่าแรงดันลมเบาหรือแรงเกินไป ควรกลับไปปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้เพื่อให้วินิจฉัยหาสาเหตุ เช่น ความรู้สึกลมแรงเกินไปอาจเกิดจากการสวมใส่หน้ากากที่ไม่ถูกต้อง การประกอบชิ้นส่วนหน้ากากกลับไม่เข้าที่เดิม ท่อลมชำ รุด ทำ ให้เกิดลมรั่ว ความรู้สึกลมเบาเกินไปอาจเกิดจาการทำ งานผิดปกติของเครื่อง อาการง่วงนอนเป็นมากขึ้นทำ ให้ผู้ป่วยคิดว่าแรงดันไม่เพียงพออาจเกิดจากภาวะอดนอน หรือการใช้เครื่องน้อยเกินไป ดังนั้นจึงควรให้แพทย์ประเมินหาสาเหตุก่อนที่จะปรับเปลี่ยนแรงดัน


Q: เครื่องซีแผบมีอายุการใช้งานยาวนานเท่าไร?

A: โดยทั่วไปเครื่องซีแผบมีความทนทานมาก อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ5-6 ปีแต่ทั้งนี้ขึ้นกับการดูแลรักษาด้วย บางรายอาจมีอายุการทำงานที่สั้นหรือยาวกว่านั้น


Q: เราสามารถสั่งซื้อเครื่องซีแผบจากต่างประเทศมาใช้ได้หรือไม่?

A: ในทางปฏิบัติสามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตามควรต้องคำนึงถึงการบำรุงรักษาและการส่งซ่อมในระยะยาวด้วย ปกติการซื้อเครื่องผ่านตัวแทนจำหน่ายโดยตรงในประเทศไทยนั้น บริษัทจะดูแลตรวจสภาพเครื่องและทำความสะอาดเครื่องให้เป็นระยะโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ในกรณีที่เครื่องเสียและต้องส่งซ่อมข้ามคืน บริษัทมักจะมีเครื่องสำรองให้ผู้ป่วยนำกลับไปใช้ระหว่างการซ่อมบำรุงนั้นด้วย นอกจากนี้บริษัทส่วนใหญ่ยังมีบริการดาวน์โหลดข้อมูลการใช้โดยไม่คิดค่าบริการให้ตลอดอายุการทำงานของเครื่อง ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการสั่งซื้อเครื่องจากต่างประเทศมานั้น ควรพิจารณาว่ามีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ที่สามารถบริการซ่อมบำรุงเครื่องได้เมื่อเกิดปัญหา อย่างไรก็ตามการตรวจสภาพเครื่องการตรวจสภาพตามระยะการทำงาน การซ่อมเครื่อง รวมไปจนถึงการดาวน์โหลดข้อมูลในกรณีที่ผู้ป่วยสั่งซื้อเครื่องจากต่างประเทศมาเองนั้น ผู้ป่วยจะถูกเรียกเก็บค่าบริการจากตัวแทนจำหน่ายนั้นๆ

หมายเหตุ: ทางบริษัท ไม่กรน จำกัด เราแนะนำให้ซื้อ CPAP ในต่างประเทศ เนื่องจากมีราคาถูกกว่าภายในประเทศ 2-3 เท่า รวมทั้งอายุการใช้งานของ CPAP นั้นอย่างน้อย 5 ปี อ่านบทความ: ซื้อเครื่อง CPAP ที่ต่างประเทศ หรือ ในประเทศ แบบไหนดีกว่ากัน?


Q: ทำไมบางคนใช้เครื่องซีแผบชนิดสองระดับซึ่งมีราคาแพงมาก?

A: เครื่องชนิดนี้เป็นเครื่องอัดอากาศที่ให้แรงดันได้ 2 ระดับ กล่าวคือจะมีการคงแรงดันบวกไว้ระดับหนึ่งเพื่อเปิดทางเดินหายใจคล้ายการทำ งานของเครื่องอัดอากาศแรงดับบวก แต่เครื่องจะอัดแรงดันเพิ่มขึ้นเป็นระยะตามการตั้งค่า เช่น สั่งให้ส่งแรงดันเพิ่มทุก 6 วินาทีหรือสั่งให้เพิ่มแรงดันทุกครั้งที่เครื่องตรวจจับได้ว่าผู้ป่วยมีการหายใจเข้า ผู้ป่วยรายที่อาจจะต้องรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศแรงดันบวก ชนิด 2 ระดับ เช่น ผู้ป่วยล้มเหลวจากการรักษาด้วยเครื่องซีแผบ แม้ว่าเครื่องซีแผบจะได้ผลดีแต่ผู้ป่วยไม่สามารถทนแรงดันได้ผู้ป่วยที่มีการหายใจแผ่วร่วมด้วย เช่น ผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรังผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นต้น


Q: ต้องใช้เครื่องซีแผบไปนานเท่าไหร่ถึงจะหายจากโรค?

A: การใช้เครื่องซีแผบนั้นเป็นการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับภาวะโอเอสเอ แต่ข้อจำกัดที่สำคัญของการรักษาด้วยวิธีนี้คือ เป็นการรักษาที่ปลายเหตุ ดังนั้นการหายใจจะปกติในช่วงที่ใช้เครื่องเท่านั้น ดังนั้นการรักษาดังกล่าวจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องอย่างต่อเนื่อง เปรียบเทียบเช่นเดียวกับ การใช้กินยาลดความดัน ที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้อย่างต่อเนื่อง


Q: จำเป็นต้องซื้อเครื่องทำความชื้นมาใช้ร่วมด้วยหรือไม่?

A: มีข้อมูลว่าการต่อเครื่องทำความชื้น อาจทำผู้ป่วยใช้เครื่องซีแผบได้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการใช้อุปกรณ์เสริมดังกล่าวจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นประมาณ 8,000 – 12,000 บาท และยังต้องอาศัยการดูแลรักษาความสะอาดที่มากขึ้นกว่าการไม่ใช้อุปกรณ์ทำความชื้น ดังนั้นแพทย์มักจะแนะนำให้ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการจมูก ปากหรือคอแห้งมาก หรือมีอาการคัดจมูกนํ้ามูกไหล ที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยวิธีอื่นๆแล้ว


Q: ถ้าใช้เครื่องทำความชื้นร่วมกับเครื่องซีแผบจะทำให้ปอดชื้นหรือไม่?

A: ไม่ โดยทั่วไปปอดและทางเดินหายใจส่วนบนของคนเรานั้นควรมีความชุ่มชื้นอยู่แล้ว การใช้เครื่องซีแผบนั้นอาจทำให้ผู้ป่วยบางรายเกิดอาการจมูกแห้งหรือคอแห้งได้ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยใช้เครื่องได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น การวิจัยพบว่าการใช้เครื่องทำความชื้นจะทำให้ผู้ป่วยใส่เครื่องได้สบายขึ้น อาการปากแห้งคอแห้งลดลง ส่งผลให้จำ นวนชั่วโมงการใช้งานให้เพิ่มขึ้นได้


Q: น้ำกลั่นที่ใช้เติมในอุปกรณ์ทำความชื้น เป็นชนิดเดียวกับนํ้ากลั่นแบตตารีใช่หรือไม่?

A: ไม่ใช่ คำว่า “นํ้ากลั่น” เป็นคำที่ทำให้ผู้ป่วยเข้าใจคลาดเคลื่อนบ่อยครั้งเนื่องจากนํ้ากลั่นมีความหมายทั้งนํ้ากลั่นทางการแพทย์ (นํ้าเปล่าที่ไม่มีสารเคมีใดๆ ที่ผ่านขั้นตอนทำ ให้ปลอดเชื้อ) กับนํ้ากลั่นที่ซื้อตามท้องตลาดสำหรับเติมแบตตารีรถยนต์ที่ไม่ได้ผ่านขั้นตอนทำ ให้ปลอดเชื้อ อุปกรณ์ทำ ความชื้นนี้ต้องเติมด้วยนํ้ากลั่นทางการแพทย์เนื่องจากไอนํ้าที่ระเหยของเข้าสู่ร่างกายจะได้สะอาดบริสุทธิ์และปลอดเชื้อจริงๆ นอกจากนี้ยังป้องกันตะกรันที่จะเกาะกับพื้นผิวด้านในของอุปกรณ์ทำความชื้น นํ้ากลั่นทางการแพทย์สามารถให้แพทย์สั่งจ่ายได้หรืออาจจะหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ในกรณีที่ไม่สะดวกในการซื้อนํ้ากลั่น อาจใช้นํ้ากรองแล้วนำไปต้มจนเดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วนำมาตั้งทิ้งไว้ให้เย็นก่อนนำไปใช้ได้เช่นกัน


Q: ขณะใช้เครื่องซีแผบแล้วชอบดึงออกโดยไม่รู้ ควรทำอย่างไรดี?

A: ควรจะหาสาเหตุว่าทำไมผู้ป่วยถึงดึงออก เช่น มีความรำคาญหน้ากาก แรงดันลมแรงเกินไป หายใจไม่ออกจากคัดแน่นจมูก เป็นต้น และทำการแก้ไขตามสาเหตุ เครื่องบางรุ่นสามารถตั้งระบบเสียงสัญญาณเตือนเวลาหน้ากากหลุดได้จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมาสวมใส่ใหม่อีกครั้ง


Q: ใส่หน้ากากแล้วมีลมรั่วขณะใส่หน้ากากแก้ไขอย่างไร?

A: ขณะสวมใส่หน้ากากพร้อมกับการเปิดเครื่องนั้น ผู้ป่วยจะสามารถสัมผัสถึงลมที่ออกทางด้านหน้าของหน้ากาก ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นช่องทางให้ลมหายใจออกนั้นโดนขับออกจากหน้ากากได้ แต่ถ้าผู้ป่วยรับรู้ได้ถึงลมที่รั่วออกจากบริเวณอื่นๆ เช่น ด้านข้างของหน้ากาก จะนับว่าเป็นเรื่องผิดปกติในช่วงแรกของการใช้นั้น การรั่วของหน้ากากมักเกิดจากชนิดหรือขนาดของหน้ากากยังไม่เหมาะกับรูปหน้าหรือรูปแบบการหายใจ เช่น หน้ากากใหญ่เกินไป ผู้ป่วยที่นอนอ้าปาก นอกจากนี้สาเหตุที่พบบ่อยคือ การสวมใส่หน้ากากที่ไม่ถูกต้อง เช่น สายรัดหลวมเกินไป สายรัดศีรษะบางเส้นตึงจนเกินไป ทำให้เกิดการดึงรั้งของหน้ากากจนสูงหรือตํ่าจนเกินไป หรือเอียงซ้ายเอียงขวา การประกอบชิ้นส่วนต่างๆของหน้ากากหลังจากการนำ ไปล้างไม่ครบถ้วน เช่น อุปกรณ์บางชิ้นหลุดหายไป หรือการประกอบขอบวงซิลิโคนไม่เข้าที่กับโครงแข็งของหน้ากาก ส่วนปัญหารั่วที่เกิดในระยะหลังๆของการใช้งานนั้น มักเกิดจากการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ เช่น สายรัดศีรษะหมดความตึงตัวซิลิโคน หรือขอบเจลเสื่อมสภาพ ทำให้แข็งตัวแนบกับใบหน้าไม่ดีเพียงพอ ดังนั้นการแก้ไขจึงขึ้นกับสาเหตุที่ตรวจพบ


Q: อาการคอแห้งจากการใช้เครื่องซีแผบต้องแก้ไขอย่างไร จำเป็นต้องใช้หน้ากากชนิดครอบทั้งปากและจมูกหรือไม่?

A: ถ้าอาการคอแห้งนั้นเกิดจากการนอนอ้าปากที่ไม่ได้ผลจากการใช้สายรัดคาง การใช้หน้ากากชนิดที่ครอบทั้งปากและจมูกก็ทำ ให้อาการคอแห้งน้อยลงได้ อย่างไรก็ตามถ้าอาการคอแห้งเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การใส่หน้ากากที่ไม่เหมาะสมหรือเสื่อมสภาพทำ ให้มีลมรั่วมากระดับแรงดันที่เหมาะสมสูงมาก อุณหภูมิห้องเย็นมาก (มักพบในผู้ป่วยที่นอนห้องแอร์ที่เย็นจัด) การใช้หน้ากากชนิดครอบทั้งปากและจมูกก็ไม่สามารถแก้ไขอาการคอแห้งได้แต่ควรไปแก้ที่ต้นเหตุ เช่น ทำ การเปลี่ยนหน้ากากให้เหมาะสม การลองปรับอุณหภูมิห้องให้อุ่นมากขึ้น การพยายามลดนํ้าหนักตัวเพื่อให้สามารถลดระดับแรงดันลงได้ การต่ออุปกรณ์ทำความชื้นเพิ่ม การเปลี่ยนไปใช้เครื่องอัดอากาศชนิดอัตโนมัต